1. ทำความสะอาดรองเท้าที่ต้องการก่อนจะฉีด เพราะไม่อย่างนั้นละก็คราบต่างๆก็จะเคลือบไปพร้อมกับรองเท้าหรือกระเป๋าได้ ไม่ว่าจะเป็นคราบเลอะหรือ แม้แต่ฝุ่น ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของสเปรย์กันน้ำได้ กรณีนองเท้าใหม่ที่สะอาดก็สามารถข้ามข้อนี้ไปได้เลย

2. ระวังน้ำยาทำความสะอาดตกค้างบนรองเท้า หรือบนวัสดุ – ต่อเนื่องจากข้อที่ 1 เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระวังเป็นพิเศษเลย คือการที่มีน้ำยาทำความสะอาดนั้นตกค้างเหลืออยู่บนวัสดุ (ไม่ว่าน้ำยาทำความสะอาดยี่ห้ออะไร ทั้งรูปแบบน้ำ มูส หรือโฟม) โดยควรใช้ผ้าเปียกหมาดๆ ซับและเช็ดหลายๆรอบ แล้วจึงค่อยใช้สเปรย์กันน้ำ โดยหากยังมีหลงเหลือหรือตกค้างจะส่งผลให้การกันน้ำลดน้อยลงได้

3. ฉีดสเปรย์กันน้ำแค่พอเคลือบ – บางคนอาจกลัวว่าป้องกันไม่พอจึงทำการฉีดเยอะๆ หนาๆ ซึ่งข้อแนะนำของเราคือการฉีดบางๆ แค่พอเคลือบ หรือชื้นๆ โดยหากไม่มั่นใจ เราแนะนำให้ฉีดบางๆ หลายรอบ จะดีกว่าฉีดหนาๆ ครั้งเดียว และยังประหยัดในการใช้งานกว่าด้วย

4. การเป่าแห้งด้วยอุณภูมิร้อนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ – สามารถเป่าให้แห้งด้วยไดร์เป่าผม นอกจากจะช่วยให้แห้งเร็วขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้การทำงานดีขึ้นอีกด้วย ในกรณีเสื้อผ้าเคยมีคนสอบถามมาว่าใช้เตารีดได้หรือไม่ คำตอบคือก็ได้เช่นกัน และอุณหภูมิที่ร้านจากเตารีดก็ช่วยให้ประสิทธิภาพดีขึ้นด้วยเช่นกัน